วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556

Week 16

Moday 23  September 2013

กิจกรรมคุ๊กกิ้ง ชื่อข้าวผัดอะไรเอ่ย

วัสดุอุปกรณ์

1. ข้าวสวย
2. เนื้อหมู  เนื้อไก่ กุ้ง หมึก
3. ไข่ไก่
4. หอมใหญ่ซอย
5. คะน้าหั่น
6. ต้นหอม
7. กระเทียมสับ
8. น้ำตาลทราย
9.น้ำปลา
10. น้ำมัน

 ขั้นตอนการทำ

1. ตั้งไฟพอร้อนใส่น้ำมันในกระทะบนไฟร้อนปานกลาง ใส่กระเทียมลงไปเจียวจนเหลืองหอม ใส่หมูลงไปผัดจนเกือบสุก และยีไข่ลงไป
2. ใส่คะน้าลงไปผัดสักพัก จึงใส่ข้าวสวยลงไป ยีข้าวไม่ให้ติดเป็นก้อน
3. ใส่หอมใหญ่และต้นหอมหั่น ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลา เร่งไฟ ผัดอย่างรวดเร็วจนเข้ากันทั่ว ปิดไฟ
4. ตักใส่จาน เหยาะพริกไทยโรยหน้า เสริฟร้อนๆทันทีพร้อมต้นหอม แตงกวา และพริกน้ำปลา

อุปกรณ์
 

แม่ครัวกำลังผัดข้าว
 

โชว์ผลงานหน่อย
 

เสร็จแล้ว น่าทานจัง

วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

Week 15

Moday 16 September 2013

กิจกรรมในวันนี้

กิจกรรมการเขียนแผนวิทยาศาสตร์ สอนโดยอาจารย์ตฤณ  แจ่มถิน ( Trin  Jamtin )

 แผนในหน่วยเรื่อง คุ๊กกิ้ง

จุดประสงค์

       เด็กสามารถบอกวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการประกอบอาการได้
       เด็กสามารถบอกการเปลี่ยนแปลงของวุตถุดิบก่อนใส่และหลังใส่ได้
       เด็กสามารถบอกรสชาติของแกงจืดได้
       เด็กสามารถบอกขั้นตอนในการทำได้

ประสบการณ์สำคัญ

  1. การสังเกต
  2. การทดลอง
  3. การเปรียบเทียบ
  4. การคาดคะเน

ขั้นดำเนินกิจกรรม

ขั้นนำ

  1. เด็กและครูร่วมกันสร้างข้อตกลงร่วมกันในการทำอาหาร
  2. เด็กและครูสนทนาร่วมกันเกี่ยวกับเมนูอาหารที่ทำในวันนี้

ขั้นสอน

1 เด็กและครูร่วมกันสรุปข้อตกลงเมนูอาหารในวันนี้
2 ครูนำวัตถุดิบมาให้เด็กๆดูและครูถามว่า
          - เด็กๆรู้จักวัตถุดิบที่ครูนำมาหรือไม่
          - เด็กๆคิดว่ารสชาติของผักแต่ละชนิดมีรสชาติอย่างไร
          - เด็กๆลองดูซิว่าของแต่ละอย่างมีลักษณะอย่างไร
3 ครูเริ่มสาธิตวิธีการทำให้เด็กดู
4 ครูให้เด็กๆสังเกตวัตถุดิบที่ใส่ลงไปแล้วบอกว่ามีลักษณะอย่างไร
5 ครูอุเด็กชิมรสชาติของอาหารก่อนปรุงรสและหลังปรุงรส

ขั้นสรุป

ครูและเด็กร่วมกันชิมรสชาติของอาหาร

Mind Map วัสดุและอุปกรณ์ในการทำอาหาร

 
 
 
ผลงานชิ้นที่1
 

 

ผลงานชิ้นที่2
 
 
 
 
 
 
 
 
เพื่อนๆ นำเสนอผลงาน
 

Week 14

Moday 9 September 2013

กิจกรรมศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับของเล่นวิทยาศาสตร์


ร่มชูชีพ


ป๋องแป๋ง


กล้องส่องระยะใกล้-ไกล


เป่าลมจากขวด


จำลองอากาศ
 

รดพลังงานลม
 

กล้อง

Week 13

Moday 2 September 2013




สื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อเงาปริศนา




วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

Week 12

Moday 26 August 2013

กิจกรรมวันนี้

 
           วันนี้อาจารย์ติดธุระทางคณะศึกษาศาสตร์ จึงให้นักศึกษาได้รับการเซ็นต์ชื่อเพื่อยืนยันสิทธิในการเข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้









 
 




Week 11

Moday 19 August 2013

กิจกรรมวันนี้

              วันนี้อาจารย์ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 3 คน อาจารย์มีกล่องกระดาษให้ 1 ใบ ให้นักศึกษานำกล่องกระดาษมาทำเป็นของเล่นวิทยาศาสตร์เข้ามุม โดยกลุองดิฉันทำเรื่อง เงาปริศนา

กลุ่มของดิฉันมีสมาชิก 3คน ได้แก่

1. นางสาวสุกัญญา  คณาโจทย์

2. นางสาวธัญลักษณ์  ชัยารช

3. นางสาวธาริดา  ยังสุข

ขั้ยตอนการทำสื่อ

 

Week 10

Moday 12 August 2013
วันแม่แห่งชาติ 2556 กลอนวันแม่
ประวัติความเป็นมาและความสำคัญของวันแม่แห่งชาติ
วันแม่แห่งชาติ 2555
12 สิงหาของทุกปีเป็นวันแม่แห่งชาติไทย


ความหมายของคำว่า "แม่"
คำว่า “แม่” พจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้ความหมายของคำว่า "แม่" ไว้ดังนี้
แม่ หมายถึง หญิงในฐานะที่เป็นผู้ให้กำเนิดแก่ลูก, คำที่ลูกเรียกหญิงผู้ให้กำเนิดตน
ในทางพระพุทธศาสนา ได้ให้ความหมายของคำว่า "แม่" ซึ่งหมายถึง หญิงที่มีครอบครัวไว้หลายนัย เช่น
1. แม่ บางทีเรียกว่า มารดา มารดร หมายถึง เป็นใหญ่ เช่น แม่ทัพ แม่น้ำ แม่กอง เป็นต้น อันแสดงถึงความยิ่งใหญ่ภายในกิจการนั้นๆ ในที่นี้มาใช้กับผู้ให้กำเนิดแก่ลูกและหาตัวแทนไม่ได้
- หญิงในฐานะผู้ให้กำเนิดแก่ลูก และหาตัวแทนไม่ได้
- คำที่ลูกเรียกหญิงผู้ให้กำเนิดตน
- คนที่เป็นหัวหน้า หรือเป็นนาย โดยไม่จำกัดว่าเป็นชายหรือหญิง เช่น แม่ทัพ แม่กอง ฯลฯ
รวมความแล้ว "แม่" คือ ผู้รับผิดชอบต่อหน้าที่ของตน โดยการรับผิดชอบนั้นมีขอบเขตภายในบ้านเรือน
2. ชนนี หมายถึง ผู้ให้กำเนิดลูก, เป็นที่บังเกิดเกล้าของลูก
3. ภรรยา หรือภริยา หมายถึง
- เมีย หรือ หญิงผู้เป็นคู่ครองของชาย
- ผู้เลี้ยง หรือผู้ดูแลสมาชิกของครอบครัว
นักภาษาศาสตร์ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า คำว่า "แม่" ของทุก ๆ ภาษา มาจากการออกเสียงของเด็ก โดยคำขึ้นต้นด้วยพยัญชนะริมฝีปากคู่ ได้แก่ ม , พ , ป ,บ หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นพยัญชนะชุดแรกที่เด็กสามารถทำเสียงได้ โดยการใช้ริมฝีปากบนและล่าง ดังเช่น
ภาษาจีน ม๊ะ หรือ ม่า
ภาษาฝรั่งเศส la mere (ลา แมร์)
ภาษาอังกฤษ mom , mam
ภาษาโซ่ เม๋เปะ
ภาษาไทใต้คง เม เป็นต้น
วันแม่แห่งชาติ รักใดเล่ารักแน่เท่าแม่รัก
พระคุณแม่ยิ่งใหญ่หาใดเทียบมิอาจเปรียบแม้ภูผาชลาสินธุ์
น้ำนมที่กลั่นให้ลูกได้ดื่มกินลูกถวิลถึงคุณค่าว่าอนันต์
ความเป็นมาของวันแม่แห่งชาติ
ชาวอเมริกันเป็นผู้กำหนดให้มีวันแม่อย่างเป็นทางการขึ้น และผู้ที่พยายามเรียกร้องให้มีวันแม่ในอเมริกา คือ แอนนา เอ็ม. จาร์วิส คุณครูแห่งรัฐฟิลาเดลเฟีย แต่กว่าเธอจะประสบความสำเร็จก็ครบ 2 ปีพอดีในปี พ.ศ.2457 โดยประธานาธิบดี วูดโรว์ วิลสัน ได้มีคำสั่งให้ถือวันอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ และดอกไม้สำหรับวันแม่ของชาวอเมริกันก็คือดอกคาร์เนชั่น ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือถ้าแม่ยังมีชีวิตอยู่ให้ประดับตกแต่งบ้าน หรือประตูด้วยดอกคาร์เนชั่นสีชมพู แต่ถ้าแม่ถึงแก่กรรมไปแล้วให้ประดับด้วยดอกคาร์เนชั่นสีขาว
ความเป็นมาของวันแม่แห่งชาติในประเทศไทย
วันแม่แห่งชาติ งานวันแม่จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2486 ณ สวนอัมพร โดยกระทรวงสาธารณสุข แต่ช่วงนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 งานวันแม่ในปีต่อมาจึงต้องงดไป เมื่อวิกฤติสงครามสงบลง หลายหน่วยงานได้พยายามให้มีงานวันแม่ขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร และมีการเปลี่ยนกำหนดวันแม่ไปหลายครั้ง ต่อมาวันแม่ที่รัฐบาลรับรอง คือวันที่ 15 เมษายน โดยเริ่มจัดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 แต่ก็ต้องหยุดลงอีกในหลายปีต่อมา เนื่องจากกระทรวงวัฒนธรรมถูกยุบไป ส่งผลให้สภาวัฒนธรรมแห่งชาติซึ่งรับหน้าที่จัดงานวันแม่ขาดผู้สนับสนุน
ต่อมาสมาคมครูคาทอลิกแห่งประเทศไทย ได้จัดงานวันแม่ขึ้นอีกครั้ง ในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2515 แต่จัดได้เพียงปีเดียวเท่านั้น จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2519 คณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงได้กำหนดวันแม่ขึ้นใหม่ให้เป็นวันที่แน่นอน โดยถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ และกำหนดให้ดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ คือ ดอกมะลิ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ทำไมจึงใช้ดอกมะลิเป็นดอกไม้ประจำวันแม่
การที่ใช้ดอกมะลิ เป็นสัญลักษณ์วันแม่ ก็เพราะดอกมะลิเป็นดอกไม้ที่มีสีขาวบริสุทธิ์ มีกลิ่นหอมที่หอมไปไกลและหอมได้นาน ผลิดอกได้ทั้งปี อีกทั้งยังนำไปปรุงเป็นเครื่องยาหอมใช้บำรุงหัวใจได้ด้วย ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้เปรียบได้กับความรักอันบริสุทธิ์ลึกซึ้งที่แม่มีต่อลูก เป็นความรักที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาที่ไม่มีที่สิ้นสุด และไม่มีพิษมีภัย มีแต่ความชุ่มชื่นใจดั่งความหอมของดอกมะลิ
วันแม่แห่งชาติ ใช้ดอกมะลิเป็นสัญลักษณ์
ดอกมะลิเป็นสัญลักษณ์ของวันแม่
ดอกมะลิดอกไม้ประจำวันแม่
ชื่อ :
มะลิ มะลิลา มะลิหลวง มะลิซ้อน
ชื่อวิทยาศาสตร์ และชื่อพฤกษศาสตร์ :
Jusminum adenophyllum.
วงศ์ :
OLEACEAE
ลักษณะทั่วไป :
เป็น พรรณไม้พุ่มยืนต้นขนาดกลาง แตกกิ่งก้านสาขาออกรอบๆ ลำต้นสูงประมาณ 5 ฟุต ใบเป็นใบเดี่ยวแตกออกเป็นคู่ ไปตามก้านต้นลักษณะใบป้อมมน ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบไม่มีจัก ผิวใบเรียบสีเขียวเข้มเป็นมัน ใบยาว 2-3 นิ้ว มีดอกเป็นดอกเดี่ยว ออกเป็นช่อตามปลายยอดหรือปลายกิ่งประมาณ 3-5 ดอก แล้วแต่ชนิดพันธุ์ ดอกมีสีขาวกลิ่นหอม มีทั้งดอกลาและดอกซ้อน ออกดอกตลอดปี
การขยายพันธุ์ :
เป็นไม้ที่ชอบแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง ต้องการน้ำปานกลาง ปลูกในดินร่วนซุย ขยายพันธุ์โดยการปักชำ หรือตอนกิ่ง
สรรพคุณทางยา :
มะลินอกจากจะมีกลิ่นหอมไว้ดมแล้ว มะลิดอกแห้งใช้ปรุงเครื่องยาหอมใช้บำรุงหัวใจได้เป็นอย่างดี








มะลิหอมน้อมวางข้างข้างตัก กรุ่นกลิ่น “รัก” บริสุทธิ์ผุดผ่องใส
แทนทุกคำทุกถ้อยร้อยจากใจ เป็นมาลัย “กราบแม่” พร้อมน้อมบูชา
ดอกเอ๋ยดอกมะลิ
ถึงยามผลิกลิ่นพราวสกาวต้น
สดสะอาดปราศสีราคีระคน
เหมือนกมลใสสดหมดระคาย
กลิ่นมะลิหอมกระไรไม่รู้สร่าง
เปรียบได้อย่างรักแท้ไม่แปรหาย
อันรักแท้แลหัวใจได้บรรยาย
ขอเชิญทาย ณ ที่ไหนจากใครเอย

*คำประพันธ์บทดอกสร้อยชื่อ แม่จ๋า ของท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา